อุตสาหกรรมงานพ่นสี เป็นอุตสาหกรรมที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างหนึ่ง ในอุตสาหกรรมของประเทศไทย เนื่องจาก ประเทศไทยเป็นถือว่า เป็นศูนย์กลางในการผลิต,ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์, รถยนต์, งานประกอบต่อเรือ, งานต่อรถพ่วง, งานต่อรถบรรทุก,
โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ที่ผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศและจัดจำหน่ายในประเทศไทยเองมากมาย รวมทั้งงานสื่อโฆษณาต่างๆ ในปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมงานพ่นสี มีแนวโน้มในการขยายตัวและพัฒนากระบวนการมากขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพของชิ้นงาน
และจากปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษเพิ่มมากขึ้น จากกระบวนการพ่นสี ทำให้มีการร้องเรียนเพิ่มมากขึ้นจากอุตสาหกรรมที่มีการพ่นสี ทั้งนี้อุตสาหกรรมงานพ่นสี ถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ค่อนข้างสูง หากไม่มีการใช้ระบบการกำจัดมลพิษให้ถูกต้อง โดยการก่อให้เกิดมลพิษด้านต่างๆ ดังนี้
- มลพิษด้านอากาศ โดยเฉพาะสารอินทรีย์ระเหย เช่น Toluene, Xylene, Ethyl acetate, Ketone เป็นต้น
- มลพิษทางน้ำ
- มลพิษจากกากของเสีย
กระบวนการที่ใช้ในการกำจัดมลพิษจากอุตสาหกรรมพ่นสี คือ การดักจับละอองสี ที่ไม่ติดชิ้นงาน และการซับกลิ่นทินเนอร์ จากงานพ่นสี โดยปัจจุบันนี้มีการใช้อยู่ 2 ระบบ คือ ระบบม่านน้ำไหล ( Water curtain system ) และระบบฟิลเตอร์หรือ
ระบบแห้ง ( Filter system/Dry system ) โดยสามารถออกแบบทั้ง 2 ระบบ ให้ติดตั้งในห้องปิด ( Spray paint booth ) หรือ ในระบบไลน์พ่นสี ( Painting line ) ได้ตามลักษณะการทำงานของแต่ละประเภท และสามารถเลือกใช้ระบบม่านน้ำไหล
หรือระบบฟิลเตอร์ ได้ตามความเหมาะสมของหน้างาน, ปริมาณงานพ่น, ความเหนียวของสีที่ใช้พ่น หรือต้นทุนในการดำเนินการติดตั้ง โดยที่ทั้ง 2 ระบบ ถ้าได้รับการออกแบบที่เหมาะสมกับหน้างาน สามารถลดปริมาณมลพิษที่เกิดกับสิ่งแวดล้อมได้
โดยมลพิษที่ได้รับการปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม จะมีปริมาณไม่เกินตามที่มาตรฐานอุตสาหกรรมกำหนดไว้ ดังนั้น เพื่อให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมนี้ ต้องมีการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ควบคู่ไปด้วยกัน โดยการพ่นสี
ในห้องพ่นสีระบบม่านน้ำ, ห้องพ่นสีระบบแห้ง, ระบบไลน์พ่นสี หรือ บู๊ทสำหรับงานพ่นสี ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเท่านั้น